หลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันพฤหัสบดี ภายหลังการสิ้นสุดการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ ครั้งที่ 13 (NPC) ครั้งที่ 3
จีนปฏิเสธแนวคิด "สงครามเย็น" มาโดยตลอด และการแยกตัวของเศรษฐกิจใหญ่สองประเทศจะไม่เกิดประโยชน์กับใคร และจะมีแต่อันตรายต่อโลกเท่านั้น นายกรัฐมนตรีหลี่กล่าว
นักวิเคราะห์กล่าวว่าคำตอบของนายกรัฐมนตรีจีนแสดงให้เห็นทัศนคติของจีนที่มีต่อสหรัฐฯ ซึ่งหมายความว่าทั้งสองประเทศจะได้ประโยชน์จากการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและสูญเสียจากความขัดแย้ง
“ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ได้ผ่านพ้นความวุ่นวายในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมามีการร่วมมือร่วมใจกันคับข้องใจมันซับซ้อนจริงๆ” นายกรัฐมนตรีหลี่กล่าว
ประเทศจีนเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในขณะที่สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยระบบสังคมที่แตกต่างกัน วัฒนธรรมประเพณี และประวัติศาสตร์ ความแตกต่างระหว่างสองสิ่งนี้ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่คำถามคือจะจัดการกับความแตกต่างของพวกเขาอย่างไร” หลี่กล่าว
อำนาจทั้งสองจำเป็นต้องเคารพซึ่งกันและกันหลี่กล่าวเสริมว่า ทั้งสองประเทศควรพัฒนาความสัมพันธ์ของตนบนพื้นฐานความเสมอภาคและการเคารพผลประโยชน์หลักของกันและกัน เพื่อน้อมรับความร่วมมือในวงกว้าง
จีนและสหรัฐอเมริกามีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างกว้างขวางนายกรัฐมนตรีหลี่กล่าวว่าความร่วมมือระหว่างสองประเทศจะเป็นประโยชน์สำหรับทั้งสองฝ่าย ในขณะที่การเผชิญหน้าจะทำร้ายทั้งสองฝ่าย
“จีนและสหรัฐอเมริกาเป็นสองประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกดังนั้นหากการเผชิญหน้าระหว่างสองรัฐยังคงทวีความรุนแรงขึ้น ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและโครงสร้างการเมืองทั่วโลกอย่างแน่นอนความปั่นป่วนดังกล่าวสำหรับองค์กรทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทข้ามชาติ เป็นสิ่งที่ไม่เอื้ออำนวยอย่างยิ่ง” Tian Yun รองผู้อำนวยการของ Beijing Economic Operation Association กล่าวกับ Global Times เมื่อวันพฤหัสบดี
หลี่กล่าวเสริมว่า ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างจีนและสหรัฐฯ ควรเป็นไปตามหลักการทางการค้า ขับเคลื่อนโดยตลาด และต้องได้รับการตัดสินและตัดสินใจโดยผู้ประกอบการ

“นักการเมืองสหรัฐบางคนเพิกเฉยต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเองสิ่งนี้ไม่เพียงแต่ทำร้ายเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจของจีนเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อเศรษฐกิจโลกด้วย ทำให้เกิดความไม่มั่นคง” Tian กล่าว
นักวิเคราะห์เสริมว่า คำตอบของนายกรัฐมนตรีเป็นการกระตุ้นชุมชนการเมืองและธุรกิจของสหรัฐฯ ให้กลับมาดำเนินการแก้ไขข้อพิพาทผ่านการปรึกษาหารือ